การเริ่มตั้งวัด
เนื่องจากหมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลจากวัดอื่นพอสมควร ไม่สะดวกต่อการบำเพ็ญบุญของประชาชน ชาวบ้านนำโดย นายด้าย (ไม่ทราบนามสกุล) จึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น ซึ่งนายด้ายกับนายอิ่มเป็นผู้อุทิศที่ดินถวายให้เป็นที่สร้างวัด เมื่อเริมสร้างครั้งแรกได้สร้างกุฎีขึ้นเพียง ๕ หลัง เป็นทรงโบราณแบบง่าย ๆ หลังคามุงด้วยใบจาก นายด้ายพร้อมด้วยทายกทายิกาพากันไปอาราธนา พระอาจารย์เชิง จากวัดทับมา ให้มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดและช่วยกันพัฒนามาจนถึง ปี พ.ศ.๒๔๕๔ ท่านอาจารย์เชิงก็ได้ลาสิกขาไป พระอาจารย์แก้วจึงรักษาการดูแลมาระยะหนึ่งแล้วจึงลาสิกขาออกไป ในปี พ.ศ.๒๔๕๔ พระอาจารย์หิน (พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ) จากวัดทับมาจึงมารับหน้าที่บริหารและดำรงค์ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส รูปที่ ๓ ของวัด
ในสมัยของท่านอาจารย์หินนี้เองที่วัดได้พัฒนาไปมากจนเรียกได้ว่าเกือบบริบูรณ์ในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุก่อสร้างหรือชื่อเสียงของวัด เพราะท่านเป็นผู้มีจิตใจสุขุมเยือกเย็นเป็นพระภิกษุที่มีคุณธรรมทางความเมตตาสูง และเป็นผู้มีความอดทนต่อความลำบากต่อสู้กับอุปสรรคทุกอย่าง เพราะเคยจาริกไปธุดงค์ตามป่าดงดิบย่านชายแดนและเข้าประเทศสหภาพเมียนม่าร์ (พม่า) มาแล้วประกอบกับท่านเป็นพระที่มีอาคมขลัง ทั้งด้านอยู่ยงคงกระพัน สักยันต์ลงอักขระ เมตตามหานิยม ประกอบยาสมุนไพรรักษาโรค ทำให้มีชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด (โดยเฉพาะในหมู่ของนายทหาร พ่อค้านักธุระกิจ และชาวประมง) จนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านหนองสนม เนินพระ ทับมา โขดหิน และอำเภอสัตตหีบ จังหวัดชลบุรี หมู่บ้านใกล้เคียงในจังหวัดระยองและต่างจังหวัดยังประจักษ์ในกิตติคุณและให้ความเคารพเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย ผลงานทางด้านพัฒนา เมตตาอนุเคราะห์ของท่านนั้นว่าสร้างไว้มากมายจนไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วน ในสมัยของท่านทำให้วัดและหมู่บ้านนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างแพร่หลาย แม้แต่คนเดินทางไกล คนเร่ร่อนสัญจร ยาจกวนิพก ผ่านมาขอพักท่านก็ให้พึ่งพิงโดยไม่เดียจฉัน วัดนี้จึงไม่เคยขาดผู้ผ่านมาขอพักอาศัยตั้งแต่สมัยนั้นจวบจนปัจจุบัน บ้างคนเรียกวัดนี้อีกชื่อหนึ่งว่า“วัดหลวงพ่อหิน” (โดยเฉพาะชาวต่างจังหวัดที่มาขอพัก)