วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560


รูปหล่อ ลพ.หิน รุ่นแรกฐานบา...
..เดิมที ลพ.หิน จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมา จ.ระยอง ท่านเป็นผู้ใฝ่ในการศึกษา
ทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระเคยเดินธุดงค์ไปถึงประเทศพม่า และศึกษาทั้งด้านพุทธาคม ไสยเวทย์
และแผนโบราณ จนมีความเชี่นวชาญทุกแขนง เฉพาะอย่างยิ่งด้านเมตตามหานิยม ผ้ายันต์ สีผึ่ง พัดโบก
เป็นที่นิยมและพูดถึงจวบจนทุกวันนี้ ปี 2454 ท่านได้มาป็นเจ้าอาวาสที่วัดหนองสนม และเป็นเจ้าอาวาส
องค์ที่ 3 และได้พัฒนาศึกษาและสร้างถาวรวัตถุจนเจริญรุ่งเรืองสูงสุดอย่าที่ไม่เคยมีเจ้าอาวาสรูปใดได้.
ทำมาก่อน ที่สำคัญท่านเป็นผู้มีเมตตา และต่อสู้กับอุปสรรคทุกอย่างแบบไม่ย่อท้อ และท่านยังมีวิชาอาคม
ด้านคงกระพัน สักยันต์ ลงอักขระ ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่กล่าวขานไปทั่วทังจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง
ลพ.ได้สร้างวัตถุมงคลใว้หลายชนิดด้วยกันเช่น รูปหล่อ เหรียญ ผ้ายันต์ สีผึ่ง
หลวงพ่อมรณะภาพลงเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2505 เมื่อเวลาประมาณ ตี 5.....
..ส่วนองค์ที่ลงโชว์นี้ เป็นรูปหล่อรุ่นแรก

ฝากรูปให้เพื่อนๆได้ศึกษา มี
พระบูชา 5 นิ้วรุ่นแรก เนื้อโลหะ
เหรียญรุ่นแรกเนื้อทองแดง ปี 2489
เหรียญรุ่นสองเนื้อทองแดง ปี 2498
และเหรียญรุ่นที่สาม เนื้อทองแดงกระไหล่ทอง ปี 2502

จากการสอบถามผู้เฒ่าผู้เฒ่าผู้แก่ ในบริเวณวัดหนองสนม ได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่หิน วัดหนองสนมมีดังนี้

1.เหรียญรุ่นแรกที่วงการเล่นหาคือ เหรียญเสมา เนื้อทองแดง มีทั้งกระไหล่เงิน และเนื้อทองแดงธรรมดา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน ด้านหลังเป็นยันต์ นะเมตตา สร้างในราวปี 2489 ซึ่งในปัจจุบันค่อนข้างพบเห็นได้น้อย

2.เหรียญรุ่นสอง ที่วงการเล่นหากันเป็น เหรียญรูปไข่เนื้อทองแดง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน ด้านหลังเป็นยันต์ สร้างในราวปี 2498

3.เหรียญรุ่นสาม ที่วงการเล่นหากันเป็น เหรียญรูปไข่เนื้อทองแดง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน ด้านหลังเป็นยันต์ สร้างในราวปี 2502 มีทั้งกระไหล่ทองและกระไหล่เงิน

4.พระกริ่งหรือรูปหล่อหลวงปู่หิน วัดหนองสนม เนื้อโลหะผสมทองเหลืองมีทั้งรมดำเก่าและไม่รมดำ ที่วงการเล่นหามีอยู่ด้วยกัน 2 พิมพ์ คือ พระกริ่งหลวงปู่หินพิมพ์ฐานสูง กับพิมพ์ฐานเตี้ย ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างในราวปี 2489 และที่สำคัญที่อุดตัวกริ่งยังมีถึง 2 ชนิดด้วยกัน คืออุดด้วยเนื้อทองเหลือง กับอุดด้วยเนื้อทองแดง

5.พระกริ่งหรือรูปหล่อหลวงปู่หินรุ่นฉลองร้อยวันที่ท่านมรณะ ซึ่งวงการไม่ค่อยได้สนใจนัก

6.พระบูชารุ่นแรกเนื้อโลหะ ขนาด 5 นิ้ว สร้างในราวปี 2498 ซึ้งคาดว่าสร้างไม่เกิน 23 องค์ และปัจจุบันค่อนข้างหาพบยากมาก จนบางครั้งเราเรียกพระบูชารุ่นนี้ว่าสร้างก่อนปี 2500 ก็มีเรียกกัน

7.พระบูชารุ่นสอง สร้างในราวปี 2500 เนื้อโลหะ ขนาด 5นิ้ว ซึ่งคาดว่าจำนวนการสร้างไม่มากนักเช่นกัน และอาจมีการสร้างด้วยเนื้อปูนด้วยเหมือนกัน

8.พระบูชารุ่นสาม หรือที่เราเรียกกันว่ารุ่นกำนันผล สร้างถวายวัด คาดว่าสร้างภายหลังหลวงปู่หินมรณภาพแล้ว

จริงๆแล้วยังมีวัตถุมงคลของหลวงปู่หิน ที่ชาวระยองหวงแหนอีกหลายอย่าง เช่น ผ้ายันต์ สิงห์ ตะกรุด เป็นต้น

ส่วนข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อมูลที่ผมได้รวบรวมใว้ เพื่อเผยแพร่ และหากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560



พระหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อหิน วัดหนองสนม ระยอง ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก รูปหล่อของท่านหนักไปในด้านคงกระพัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” ถ้าใครคล้องรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน ประสพการณ์เรื่องปืนเหนียวจริง คนระยองหลายรายที่ยังรอดอยู่จนทุกวันนี้ วิชาที่หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ เคยไปเรียนกับ “หลวงพ่อหิน” ก็คือวิชาทำสีผึ้งเมตตา องค์นี้รูปหล่อหลวงปู่หิน สร้างรุ่นแรก 2484 เชิญชมครับพี่น้อง ของดีเมืองระยองฮิ


“ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินอยู่กับตัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งใดอีก” เป็นคำกล่าวของศิษยานุศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าของ “หลวงปู่หิน ถาวโร” หรือ “พระครูวิจารณ์ธรรมกิตติ” พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองระยองและภาคตะวันออก

ถึงแม้ว่าละสังขารจากไปอย่างสงบ มานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธายังคงมิรู้เสื่อมคลาย ยังคงยึดถือในหลักคำสอนที่พร่ำสอนญาติโยมว่า “อย่าตั้งตนไว้บนความประมาท”

มีนามเดิมว่า หิน หอมหวาน เกิดเมื่อ วันเสาร์ที่ 3 ธ.ค.2424 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง บิดา-มารดาชื่อ นายปล่อง และ นางทบ หอมหวาน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน หลวงปู่หิน เป็นบุตรคนที่ 3

ในช่วงเยาว์วัย อายุ 12-13 ปี อยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระภิกษุที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพทำนา

เมื่ออายุ 24 ปี นายหิน เข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมี พระครูสงฆ์ วัดจันทอุดม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดแอ๋ว วัดป่าประดู่ เป็น พระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระ อนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2448 ได้รับฉายาว่า “ถาวโร”

อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขรสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนม เรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2456 พรรษาที่ 8 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาจารย์สวดนาค





พ.ศ.2466 เป็นพระวินัยธร ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง พ.ศ.2468 เป็นเจ้าคณะ ตำบลเนินพระ พ.ศ.2470 ท่านขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะ ตำบลเนินพระ

พ.ศ.2481 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครู สัญญาบัตร ในราชทินนาม “พระครูวิจารณ์ธรรมกิตติ” พ.ศ.2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับมา

เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษาสำหรับเยาวชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม

ท่านเป็นผู้ทรงธุดงค์ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบ เขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์ เลื่องลือเป็นที่ยอมรับ

นอกจากนี้ ยังแตกฉานในภาษาบาลี+ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่หิน จนกระทั่งวัดหนองสนม เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่หิน จัดสร้างขึ้นมาทั้งหมด 2 รุ่น ในปี พ.ศ.2489 รุ่นแรก เป็นเหรียญทองแดงรูปเสมา ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่หิน ด้านหลังเป็นยันต์ นะเมตตา ส่วนรุ่น 2 เป็นเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน และด้านหลังเป็นยันต์ ปัจจุบันหายากมาก เพราะจัดสร้างจำนวนน้อย

เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2505 ละสังขารอย่างสงบ ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดหนองสนม อันเป็นกุฏิที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษาจนถึงวาระสุดท้าย สิริอายุ 80 ปี พรรษา 56



◎หลวงปู่หิน ถาวโร วัดหนองสนม◎
"ถ้ามีวัตถุมงคลของหลวงปู่หินอยู่กับตัวแล้ว ก็ไม่ต้องไปแสวงหาสิ่งใดอีก"
คำกล่าวของศิษยานุศิษย์รุ่นแล้วรุ่นเล่าของหลวงปู่หิน หรือพระครูวิจารณ์ธรรมกิติ
พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองระยองและภาคตะวันออก

ถึงแม้ว่า หลวงปู่หิน ได้ละสังขารจากไปอย่างสงบ มานานกว่า 40 ปีแล้ว
แต่ความเลื่อมใสศรัทธาจากชาวเมืองระยอง ยังคงมิรู้เสื่อมคลาย

และยังคงยึดถือในหลักคำสอนที่หลวงปู่หิน ได้พร่ำสอนญาติโยมว่า "อย่าตั้งตนไว้บนความประมาท"

อัตโนประวัติ พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ หลวงปู่หิน มีนามเดิมว่า หิน หอมหวาน เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3
ธันวาคม 2424 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปล่อง
และนางทบ หอมหวาน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน หลวงปู่หินเป็นบุตรคนที่ 3

ในช่วงเยาว์วัย ด.ช.หิน อายุ 12-13 ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระภิกษุที่วัดทับ
พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดา ประกอบอาชีพทำนา

ครั้นอายุครบ 18 ปี นายหินได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง 5 ปี พออายุ 22 ปี
นายหินได้ออกจากราชการทหาร กลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพเช่นเดิม

เมื่ออายุได้ 24 ปี นายหิน ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม
(วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมีพระครูสงฆ์ วัดจันทอุดม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว
วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 3
กรกฎาคม 2477 ได้รับฉายาว่า "ถาวโร"

พระหินได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2454 พรรษาที่ 8
ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาสวดนาค

พ.ศ.2466 ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง พ.ศ. 2468
ได้เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ พ.ศ.2470 ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ

พ.ศ.2481 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม
"พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ" พ.ศ.2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2489
ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ

หลวงปู่หิน เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม

หลวงปู่หิน เป็นพระผู้ทรงธุดงคคุณ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า
โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี
และคาถาอาคมขลัง

นอกจากนี้ หลวงปู่หิน ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น
โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม
เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่หิน

จนกระทั่ง วัดหนองสนม เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2505 หลวงปู่หิน ได้ละสังขารไปอย่างสงบ ณ กุฏิเจ้าอาวาสวัดหนองสนม
อันเป็นกุฏิที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษา จนถึงวาระสุดท้าย สิริอายุ 80 พรรษา 56 มีสัทธิวิหาริก
(ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น 1,538 รูป
สำหรับวัตถุมงคล ของ หลวงปู่หิน นั้นท่านสร้างหลายแบบด้วยกัน ทั้ง รูปหล่อ มี ๒ รุ่น เหรียญมี ๓ รุ่น ผ้ายันต์ขาวแดง อันโด่งดัง และ ผ้ายันต์พัดโบก ทางด้านค้าขาย ท่านก็มี แต่วัตถุมงคลของท่าน นั้นทำน้อยมาก และ ปัจจุบัน หาพบเจอได้ยากยิ่ง
******************************************************************
......มีพระรูปหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม มักเล่าให้ผมฟังอยู่เสมอว่า มีวัดหนึ่งซึ่งเรียกว่า “วัดหนองสนม” มี “ท่านพ่อหิน” เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าว่า...หลวงพ่อหิน เป็นพระที่หลวงพ่อสังข์เฒ่า บวชให้ โดยมี หลวงพ่อแอ่ววัดป่าประดู่เป็นพระกรรมวาจาจารย์ได้รับฉายาว่า “ถาวโร” หลังจากที่บวชแล้ว ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมาประมาณ พ.ศ. 2449

.......หลวงพ่อหิน ท่านได้เล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จาก หลวงพ่อสังข์เฒ่า เนื่องจากอุปนิสัยของหลวงพ่อหินนั้นท่านเป็นคนดื้อและแข็งกร้าว เป็นคนอยากลองดี โดยเหตุที่พระอุปัชฌาย์ ของท่านเป็นพระที่ดุมาก มีระเบียบวินัยจัด ใครทำผิดวินัยแล้ว หลวงพ่อสังข์เฒ่าจะต่อว่าและดุด่าทีนที คนไหนที่ท่านดุด่าแล้วไม่รู้จักจำ ท่านจะไล่ออกจากนอกวัดทันทีแต่หลวงพ่อหินท่านไม่กลัวหลวงพ่อสังข์เฒ่า ดุก็ดุไปถ้าท่านไม่ทำผิดวินัยซะอย่าง

.......เวลาวัดมีงานท่านก็ออกมาช่วยอะไรที่ไม่ดี ท่านก็ทำให้ดีขึ้น คาถาอาคมที่ตนเองเล่าเรียนมา ถ้าไม่รู้ท่านจะรีบถาม “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” ทันทีจึงทำให้หลวงพ่อสังข์เฒ่าท่านรักหลวงพ่อหินมาก และก็ได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้หลวงพ่อหินจนหมด

.......หลวงปู่ทิม ได้เล่าว่า หลวงพ่อหินมีวิชาคงกระพันสูง สามารถปลุกเสกผ้าและหมากพลูให้เป็นสัตว์ต่างๆได้สมัยที่ท่านไปกราบหลวงพ่อหินที่วัดหนองสนม ได้สนทนาธรรมกับหลวงพ่อเคยเอ่ยถามหลวงพ่อหินว่า “เรื่องคาถาอาคมนั้นมีจริงหรือไม่? และท่านพ่อมีความเชื่อในด้านคาถาที่เกี่ยวกับเสกของให้เป็นสัตว์นั้นเป็นจริงหรือ?”

.......หลวงพ่อหิน ได้ฟังเช่นนั้นท่านก็ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม สักพักหนึ่งท่านก็กวักมือทำเป็นเรียกตัวอะไรให้ออกมาจากใต้โต๊ะ ปรากฏว่าเป็นลูกหนูตัวหนึ่ง ซึ่งท่านเอามือเคาะที่พื้นเบาๆ ลูกหนูตัวนั้นก็วิ่งไปที่มือของท่านหลวงปู่ทิมเห็นเช่นนั้นก็มองดู สักพักหนึ่งปรากฏว่าลูกหนูที่อยู่ในมือหลวงพ่อหินกลายเป็นเส้นด้ายขดหนึ่ง

.......ท่านมองหลวงปู่ทิมและพูดว่า “คาถาอาคมที่เราถืออยู่ทุกวันนี้ ถ้าคิดว่าเป็นจริงมันก็จริง แต่คนที่จะทำถึงขั้นนี้ได้ ต้องฝึกจิตมาเป็นอย่างดี” ซึ่งครั้งหนึ่ง “หลวงปู่ทิม” ก็เคยเสกผ้าให้เป็น “กระต่าย” กระโดดโลดเต้นให้ลูกศิษย์เห็นต่อหน้า “หลวงปู่แก้ว” มาแล้ว ซึ่งผมและโยมสาย แก้วสว่าง ก็อยู่ในเกตุการณ์วันนั้นด้วย

.......หลวงพ่อหิน ท่านสร้างวัตถุมงคลได้ขลังมาก เหรียญของท่านเยี่ยมยอดในด้านคงกระพัน ส่วนรูปหล่อของท่านก็หนักไปในด้านคงกระพันเช่นกัน จนคนในระยองต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “ใครมีรูปหล่อของหลวงพ่อหินไม่มีวันหรอกที่จะเสียเลือดให้แก่ใคร” แสดงถึงว่า ถ้าใครคล้องเหรียญหรือรูปหล่อของท่านเชื่อขนมกินได้เลยว่า “แมลงวันไม่มีโอกาสได้ตอมเลือดอย่างแน่นอน”

.......อีกวิชาหนึ่งที่ หลวงปู่ทิม” เคยไปเรียนกับ “หลวงพ่อหิน” นั้นคือวิชาทำสีผึ้งเมตตา และหลังจากนั้นหลวงปู่ฯ ก็ได้ศึกษาเพิ่มเติมในสมุดโบราณที่จารึกโดย “หลวงพ่อสังข์เฒ่า” สีผึ้งของหลวงปู่ทิม ท่านทำได้ขลังและวิเศษมาก ผมเองทุกวันนี้ก็ใช้ติดตัวอยู่เสมอ เรื่องเมตตาไม่ต้องถามถึง เพราะตนเองใช้แล้วรู้สึกดี จึงใส่ตลับห้อยคอไว้ แต่ก็ได้ถูกเพื่อนๆ ที่รักใคร่พากันขอแบ่งไปนิดแบ่งไปหน่อยจนเวลานี้แทบจะไม่มีเหลืออีกเลยก็สมบัติผลัดกันชม จึงไม่คิดอะไรตัวเองตอนนี้ก็อายุมากขึ้นทุกวัน เรื่องเสน่ห์เห็นทีจำเป็นจะต้อง “หยุด” เสียทีถ้าไม่หยุดอนาคตคงจะไม่เหลืออะไรเป็นแน่ เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ปวดหัวเต็มทนอยู่แล้ว เรียนผูกไม่ได้เรียนแก้ ก็เป็นเช่นนี้แหละ ผมพึ่งคิดได้ว่าคำพูดที่หลวงพ่อนิด วัดทับมา เคยพูดกับผมอยู่ประโยคหนึ่งที่ว่า “ถ้าเอ็งมัวแต่เรียนเรื่องเสน่ห์ สักวันหนึ่งเอ็งจะรู้ว่า “นรก” มันมีจริง
◎ พระเกจิย์ยุคเก่าเมืองระยอง◎
๑. หลวงปู่สังข์เฒ่า วัดละหารใหญ่
๒. พระวินัยธร( หลวงปู่ทอง วัดน้ำคอก)
๓. หลวงพ่อกราด วัดชากก่อไผ่
๔. พระครูวิจิตรธรรมานุวัต(หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย)
๕. พระเทพสิทธิการ(หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก)
๖. พระครูสังฆการบุรพทิศ(หลวงปู่ปั้น วัดราชบัลลังค์)
๗. พระครูนิวาสธรรมสาร(หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง)
๘. หลวงพ่อหนิด วัดท่ากง
๙. พระครูพิบูลธรรมาภรณ์(หลวงพ่อหันต์ วัดปากน้ำพังราด)
๑๐. หลวงพ่อสอด วัดปากน้ำระยอง
๑๑. หลวงพ่อยอด วัดกรอกยายชา
๑๒. พระครูวิจารณ์ธัมกิตติ(หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม)
๑๓. พระสมุทรสมานคุณ(หลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่)
๑๔. พระครูนิพัทธธรรมขันธ์ (หลวงพ่อทัด วัดห้วงหิน)
๑๕. พระครูสุจิตวิชชากร (หลวงพ่อเอม วัดบ้านเก่า)
พระเกจิอาจารย์ยุคกลางเมืองระยอง
๑. พระครูภาวนาภิรัต(หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่)
๒. พระครูอรรถโกศล(หลวงพ่อทาบ วัดกะบกขึ้นผึ้ง)
๓. หลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่
๔. พระภาวนานุโยค (หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก)
๕. พระครูพิพิธวรญาณ (หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า)
๖. พระครูจันทรวุฒิคุณ(หลวงพ่อจันทร์ วัดตะพงนอก)
๗. พระครูพิทักษ์บุรเขต(หลวงพ่อเพาะ วัดตะพงใน)
๘. หลวงพ่อแพรว วัดยายดา
๙. พระครูสุนทรธรรมมานุศานส์ (หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ)
๑๐ พระครูสุทธิวัตรธรรมสุนทร(หลวงพ่อบุญ วัดบ้านนา)
๑๑ พระมงคลศีลาจารย์ (หลวงพ่อคร่ำ วัดวังหว้า)
๑๒ หลวงพ่อนิด วัดทับมา
๑๓ พระครูวิจิตรธรรมานุวัต(หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก)
◎พระเกจิอาจารย์ยุคใหม่เมืองระยอง◎
๑. พระครูมนูญธรรมวัตร(หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ)
๒. พระครูสุภัททาจารคุณ(หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่)
๓. หลวงพ่อภา วัดตาขัน
๔. หลวงพ่อใย วัดปากป่า
๕. หลวงพ่อเสริฐ วัดโอภาสี
๖. หลวงพ่อโต่ง วัดเภฯ
๗. หลวงพ่อแจ่ม วัดเขาสำเภาทอง
๘. อาจารย์ป๋อง วัดเขาโบสถ์

ข้อมูลประวัติ หลวงปู่หิน ถาวโร วัดหนองสนม ระยอง


พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ หรือ หลวงปู่หิน มีนามเดิมว่า หิน หอมหวาน เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2424 ตรงกับขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 ที่ ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายปล่อง และนางทบ หอมหวาน มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คน หลวงปู่หินเป็นบุตรคนที่ 3


ในช่วงเยาว์วัย ด.ช.หิน อายุ 12-13 ปี ได้ไปอยู่ศึกษาเล่าเรียนหนังสือกับพระภิกษุที่วัดทับ พออ่านเขียนได้เล็กน้อย ก่อนย้ายกลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดา ประกอบอาชีพทำนา


ครั้นอายุครบ 18 ปี นายหินได้เข้ารับราชการทหาร อยู่ประจำการในกรมกองนานถึง 5 ปี พออายุ 22 ปี นายหินได้ออกจากราชการทหาร กลับมาอยู่กับครอบครัว ช่วยเหลือบิดามารดาประกอบอาชีพเช่นเดิม


เมื่ออายุได้ 24 ปี นายหิน ได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดจันทอุดม (วัดเก๋งที่ตั้งโรงพยาบาลระยองในปัจจุบัน) โดยมีพระครูสงฆ์ วัดจันทอุดม เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดแอ่ว วัดป่าประดู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเชิง วัดหนองสนม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2477 ได้รับฉายาว่า "ถาวโร"


พระหินได้อยู่จำพรรษาเล่าเรียนอักขระสมัยกับอาจารย์ที่วัดหนองสนมเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.2454 พรรษาที่ 8 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองสนมและเป็นพระกรรมวาจาสวดนาค


พ.ศ.2466 ได้เป็นพระวินัยธรรม ฐานานุกรมในตำแหน่งของพระครูสมุทรสมานคุณ เจ้าคณะจังหวัดระยอง พ.ศ. 2468 ได้เป็นเจ้าคณะตำบลเนินพระ พ.ศ.2470 ท่านได้ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลเนินพระ


พ.ศ.2481 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ในราชทินนาม "พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ" พ.ศ.2487 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2489 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลทับ


หลวงปู่หิน เป็นพระสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่มีเถระประวัติอันควรค่าแก่การศึกษา สำหรับชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง ตลอดชีวิตของการครองสมณเพศของท่าน ล้วนแต่มั่นคงอยู่ในศีลในธรรม


หลวงปู่หิน เป็นพระผู้ทรงธุดงคคุณ ชอบจาริกไปอยู่ตามขุนเขาป่าดงดิบเขตประเทศพม่า โดยไม่เกรงกลัวต่อภัยอันตรายใดๆ จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือ เป็นที่ยอมรับในทางเมตตา คงกระพันชาตรี และคาถาอาคมขลัง


นอกจากนี้ หลวงปู่หิน ยังแตกฉานในภาษาบาลี ขอม จนได้รับการยกย่องจากฝ่ายบ้านเมืองในสมัยนั้น โดยแต่งตั้งให้ท่านเป็นกรรมการศึกษาอำเภอ วางแผนจัดการศึกษาและสร้างโรงเรียนไว้หลายแห่ง ทำให้วัดหนองสนม เต็มไปด้วยชาวพุทธที่เลื่อมใสศรัทธาในหลวงปู่หิน


จนกระทั่ง วัดหนองสนม เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว


เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2505 หลวงปู่หิน ได้ละสังขารไปอย่างสงบ ณ กุฏิเจ้าอาวาสวัดหนองสนม อันเป็นกุฏิที่ท่านสร้างและอยู่จำพรรษา จนถึงวาระสุดท้าย สิริอายุ 80 พรรษา 56 มีสัทธิวิหาริก (ลูกศิษย์ที่ท่านบวช) รวมทั้งสิ้น 1,538 รูป


สำหรับวัตถุมงคลของหลวงปู่หิน ได้จัดสร้างขึ้นมาทั้งหมด 2 รุ่น ในปี พ.ศ.2489 รุ่นแรก เป็นเหรียญทองแดงรูปเสมา ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน ด้านหลังเป็นยันต์ นะเมตตา


ส่วนรุ่น 2 เป็นเหรียญรูปไข่เนื้อทองแดง ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่หิน และด้านหลังเป็นยันต์ ปัจจุบันหายากมาก เพราะจัดสร้างเป็นจำนวนน้อยมาก


ลำนำหนองสนม 



หนองสนมทุกคนชมว่าน่าอยู่ ต่างมาสู่เพื่ออาศัยได้ทุกหน 
เมื่อผ่านมาได้พักพิงอิงกมล มากี่คนคงพักได้ไม่ขาดแคลน 

หลายคนมาต่างถามว่าเป็นอย่างไร ความเป็นมาเป็นไปไม่หวงแหน 
ขอเล่าแจ้งแถลงไขไปทั่วแดน อาลัยแสนจะเล่าต่อพอประมาณ 

หมู่บ้านนี้ดั้งเดิมทีมีหนองน้ำ เป็นที่ดำผุดว่ายได้สนาน 
อยู่ต่อมาล่วงเวลาอันช้านาน คำกล่าวขานเล่าต่อพอจดจำ 

สมเด็จพระเจ้าตากสินสิ้นสถาน ยกพวกผ่านจากกรุงศรีไม่มีส่ำ 
คราวเสียกรุงรวมพลผลน้อมนำ หวังจะทำกู้ไทยให้กลับคืน 

จึงยกทัพมุ่งมาตะวันออก เพื่อจะบอกกู้ชาติไว้ไม่เป็นอื่น 
หาพลพอต่อเรือเพื่อจุดยืน เร่งสุดผืนขวนขวายรวมชายชาญ 

ชาวบ้านนี้สร้างความดีเอาไว้มาก ช่วยบริจาคซึ่งเสบียงเลี้ยงทหาร 
ของสมเด็จพระเจ้าตากมากประมาณ อีกบริวารนางสนมในกรมวัง 

เมื่อพักทัพอยู่หลายวันครั้นตกเย็น ต่างมองเห็นนางสนมมาชมนั่ง 
สรงสนานเล่นน้ำตามลำพัง จึงได้ตั้งชื่อหนองสนมผสมครัน 

หมู่บ้านนี้ยังพอมีของดีเล่า คือเรื่องราวหลวงปู่หินถิ่นสถาน 
สร้างวัดวาให้เจริญอยู่เนิ่นนาน ทั้งชาวบ้านต่างนับถือระบือไกล 

ปัจจุบันหมู่บ้านนี้เปลี่ยนไปมาก อันเนื่องจากความเจริญเดินมาใกล้ 
ดูเปลี่ยนแปลงทั้งหมู่บ้านแลวัดไทย เจริญตาเจริญใจเมื่อได้ยล 

ขอทุกท่านจงอยู่ดีมีความสุข ผ่อนคลายทุกข์ประยุกต์ธรรมอำนวยผล 
อานุภาพหลวงปู่หินโปรดบันดล ให้ทุกคนอยู่ด้วยธรรมนำใจ เทอญ...


ประพันธ์โดย พระครูสาทรธรรมนิเทศก์ เจ้าอาวาสวัดหนองสนม ๑๔ เมษายน ๒๕๓๙ 
ตรวจแก้โดย อาจารย์อำนาจ มณีแสง อ.ม.ส. (กวีจังหวัดระยอง) ๒๗ สิงหาคม ๒๕๓๙




กิจกรรม

งานด้านเผยแผ่และงานอบรมประจำของวัด
๑. บรรยายธรรมออกอากาศทางสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง สวท.ระยอง ประจำ ทุกวันจันทร์ เวลา ๑๕.๔๐ น.
๒. เปิดอบรมค่ายพุทธรรมแก่นักเรียน ตามโอกาสที่มีสถานศึกษาติดต่อมา ทั้งระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา และหน่วยการอื่น ๆ
๓. แจกทุนการศึกษานักเรียนฯ และสมาชิกกลุ่มพุทธมามกะ ทุนละ ๕๐๐ บาท ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ ๓๐ - ๕๐ ทุน
๔. จัดบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน สำหรับเยาวชนชาย ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๒๐ เมษายน เป็นประจำทุกปี พร้อมด้วยโครงการบรรพชาจากโครงการต่าง ๆ
๕. จัดงานประเพณีสงกรานต์ - งานวันผู้สูงอายุ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ - ๑๖ เมษายน ของทุกปี โดยมีกิจกรรม เช่น ประเพณีนมัสการปิดทองหลวงปู่หิน สรงน้ำพระ รดน้ำขอขมามอบเลื้อผ้าผู้สูงอายุ (รดน้ำดำหัว) ประกวดผู้สูงอายุ ทั้งนี้ เพื่ออนุรักษ์ ประเพณีและวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ไว้ให้เป็นมรดกของอนุชน และเพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน ให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุ พร้อมทั้งสรรสร้างความอบอุ่นในสถาบันครอบครัว ปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีแก่เยาวชน สืบไป

ฯ ล ฯ



อาจารย์หินท่านยังมีตำแหน่งหน้าที่ในทางสังคมและทางคณะสงฆ์อีกมากมาย เช่น เป็นกรรมการศึกษาระดับ อำเภอ ระดับจังหวัด เป็นต้น จนมาถึง วันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๕ เวลา ๐๕.๐๐ น. หลวงพ่อได้มรณะภาพลงอย่างสงบที่กุฏิของท่าน นับว่าหลวงพ่อหินได้สร้างผลงานให้แก่วัดอย่างมากมายทำให้วัดเจริญขึ้นในสมัยของท่านนี้เอง นอกจากนั้น ด้วยอาศัยที่หลวงพ่อมีเมตตาสูงมาก วัดจึงเป็นที่พักของคนเดินทางทุกชั้นวรรณะ ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ชน ทั่วไป จนถึงทุกวันนี้

ทำเนียบเจ้าอาวาสวัดหนองสนม

รูปที่ ๑ พระอธิการเชิง พ.ศ.๒๔๔๑ - ๒๔๕๔
รูปที่ ๒ พระพระอาจารย์แก้ว พ.ศ.๒๔๕๔ - ๒๔๕๕
รูปที่ ๓ พระพระครูวิจารณ์ธรรมกิติ (หิน ถาวโร) พ.ศ.๒๔๕๕ - ๒๕๐๕
รูปที่ ๔ พระครูอาทรธรรมกิจ (สวัสดิ์ วรจิตฺโต) พ.ศ.๒๕๐๕ - ๒๕๓๑
รูปที่ ๕ พระครูสาทรธรรมนิเทศก์ (วีระชาติ กนฺตจาโร) พ.ศ.๒๕๓๑ - ปัจจุบัน

สถานภาพของวัดหนองสนม (ในปัจจุบัน)

๑. ประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา พ.ศ.๒๔๔๑
๒. ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.๒๔๗๓
๓. ตั้งเป็นศูนย์สงเคราะห์พุทธมามกะ อำเภอเมือง พ.ศ.๒๕๓๒
๔. ตั้งเป็นศูนย์การศึกษาตลอดชีวิต อำเภอเมือง พ.ศ.๒๕๓๓
๕. ตั้งเป็นศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา จังหวัดระยอง พ.ศ.๒๕๓๔
๖. เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง พ.ศ.๒๕๓๗
๗. เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น พ.ศ.๒๕๔๐
๘. ตั้งเป็นศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๒

โครงการของวัดที่กำลังดำเนินการ

๑. สร้างสถานปฏิบัติธรรม ในเนื้อที่ ๑๑ ไร่ ๔๗ ตารางวา (หลังวัด)
๒. สร้างศาลาการเปรียญ ๒ ชั้น ชั้นล่างบำเพ็ญกุศลทั่วไปและจัดประชุม-อบรม
ชั้นบนห้องพักอาคันตุกะ-หอสวดมนต์-ห้องฝึกสมาธิ-พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของเก่าของวัด
๓. สร้างกุฎีสงฆ์ฯ ที่พักผู้สูงอายุ และหอพักผู้ปฏิบัติธรรม ในเนื้อที่ ๑๑ไร่๔๗ตารางวา(หลังวัด)
๔. สร้างกุฎีสงฆ์และกุฎีเจ้าอาวาส ต่อจากศาลาการเปรียญ ไปทางทิศตะวันตกของวัด

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

การเริ่มตั้งวัด


การเริ่มตั้งวัด

                  เนื่องจากหมู่บ้านนี้อยู่ห่างไกลจากวัดอื่นพอสมควร ไม่สะดวกต่อการบำเพ็ญบุญของประชาชน ชาวบ้านนำโดย นายด้าย (ไม่ทราบนามสกุล) จึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น ซึ่งนายด้ายกับนายอิ่มเป็นผู้อุทิศที่ดินถวายให้เป็นที่สร้างวัด เมื่อเริมสร้างครั้งแรกได้สร้างกุฎีขึ้นเพียง ๕ หลัง เป็นทรงโบราณแบบง่าย ๆ หลังคามุงด้วยใบจาก นายด้ายพร้อมด้วยทายกทายิกาพากันไปอาราธนา พระอาจารย์เชิง จากวัดทับมา ให้มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดและช่วยกันพัฒนามาจนถึง ปี พ.ศ.๒๔๕๔ ท่านอาจารย์เชิงก็ได้ลาสิกขาไป พระอาจารย์แก้วจึงรักษาการดูแลมาระยะหนึ่งแล้วจึงลาสิกขาออกไป ในปี พ.ศ.๒๔๕๔ พระอาจารย์หิน (พระครูวิจารณ์ธรรมกิติ) จากวัดทับมาจึงมารับหน้าที่บริหารและดำรงค์ตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส รูปที่ ๓ ของวัด

                    ในสมัยของท่านอาจารย์หินนี้เองที่วัดได้พัฒนาไปมากจนเรียกได้ว่าเกือบบริบูรณ์ในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้านวัตถุก่อสร้างหรือชื่อเสียงของวัด เพราะท่านเป็นผู้มีจิตใจสุขุมเยือกเย็นเป็นพระภิกษุที่มีคุณธรรมทางความเมตตาสูง และเป็นผู้มีความอดทนต่อความลำบากต่อสู้กับอุปสรรคทุกอย่าง เพราะเคยจาริกไปธุดงค์ตามป่าดงดิบย่านชายแดนและเข้าประเทศสหภาพเมียนม่าร์ (พม่า) มาแล้วประกอบกับท่านเป็นพระที่มีอาคมขลัง ทั้งด้านอยู่ยงคงกระพัน สักยันต์ลงอักขระ เมตตามหานิยม ประกอบยาสมุนไพรรักษาโรค ทำให้มีชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัด (โดยเฉพาะในหมู่ของนายทหาร พ่อค้านักธุระกิจ และชาวประมง) จนถึงปัจจุบันนี้ชาวบ้านหนองสนม เนินพระ ทับมา โขดหิน และอำเภอสัตตหีบ จังหวัดชลบุรี หมู่บ้านใกล้เคียงในจังหวัดระยองและต่างจังหวัดยังประจักษ์ในกิตติคุณและให้ความเคารพเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย ผลงานทางด้านพัฒนา เมตตาอนุเคราะห์ของท่านนั้นว่าสร้างไว้มากมายจนไม่อาจบรรยายได้ครบถ้วน ในสมัยของท่านทำให้วัดและหมู่บ้านนี้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างแพร่หลาย แม้แต่คนเดินทางไกล คนเร่ร่อนสัญจร ยาจกวนิพก ผ่านมาขอพักท่านก็ให้พึ่งพิงโดยไม่เดียจฉัน วัดนี้จึงไม่เคยขาดผู้ผ่านมาขอพักอาศัยตั้งแต่สมัยนั้นจวบจนปัจจุบัน บ้างคนเรียกวัดนี้อีกชื่อหนึ่งว่า“วัดหลวงพ่อหิน” (โดยเฉพาะชาวต่างจังหวัดที่มาขอพัก)

วัดหนองสนม


                       วัดหนองสนม ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ ๓ ห่างจากตัวเมือง ระยอง
ไปทางอำเภอบ้านฉาง ฝั่งตรงข้ามหน้าวัดมีสถานที่ราชการให้สังเกตได้หลายแห่ง เช่น สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองระยอง ห้องสมุดประชาชนและศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดระยอง (ซึ่งตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์ของวัด) ถัดไปเป็นสนามกีฬากลางจังหวัดและโรงเรียนเซนต์โยเซฟ - โรงเรียนอัสสัมชัญ ระยอง เป็นต้น


                        เดิมวัดนี้มีชื่อว่า “วัดจันทนาวารี” ตั้งหันหน้าไปทางทิศเหนือซึ่งเป็นหนองน้ำที่ชาวบ้านเรียกว่า “หนองสีจันทร์” เพราะเมื่อสมัยเริ่มสร้างวัดพื้นที่แถบนี้ยังเป็นป่าดงเปลี่ยวมีต้นจันทน์ขึ้นอยู่บ้าง และมีทางสาธารณผ่านระหว่างหนองน้ำกับที่ตั้งวัด ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อน เล่าต่อกันมาว่าเมื่อสมัยที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกทัพมาตีเมืองจันทบุรี เมื่อยกทับกลับไปเพื่อตั้งกรุงธนบุรี ได้หยุดพักทัพและไพร่พลที่ใกล้ ๆ บริเวณนี้ ชาวบ้านในระแวกนี้ยังได้พากันสนับสนุนด้านเสบียงอาหารตามฐานะ และหนองน้ำแห่งนี้ก็เป็นที่สรงสนาน (อาบน้ำ) ของเหล่าไพร่พลและนางสนมกำนัลที่ตามเสด็จ ต่อมาจึงมีชื่อเรียกใหม่ว่า “หนองสนม” รวมทั้งชื่อหมู่บ้านก็เปลี่ยนมาเรียกขานกันว่าบ้านหนองสนมพร้อมกับเรียกชื่อวัดว่า “วัดหนองสนมจันทนาวารี” และได้ปรับปรุงย้ายหันหน้าวัดไปทางทิศใต้ ภายหลังจากที่ทางการตัดถนนสุขุมวิทผ่านแล้ว ต่อมาเมื่อกรมการศาสนาได้ปรับเปลี่ยนชื่อวัดให้พ้องกับชื่อหมู่บ้าน จึงเหลือเพียง วัดหนองสนม เพื่อให้พ้องกับหมู่บ้านหนองสนม จนถึงปัจจุบัน





รูปหล่อ ลพ.หิน รุ่นแรกฐานบา... ..เดิมที ลพ.หิน จำพรรษาอยู่ที่วัดทับมา จ.ระยอง ท่านเป็นผู้ใฝ่ในการศึกษา ทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระเคยเด...